![]() สร้างผลงานแบบกรีกและโรมันอีกครั้ง ซึ่งศิลปินเหล่านี้ชอบความเรียบร้อยและเคร่งครัดใน ศิลปะแบบโบราณ ลักษณะผลงานของลัทธินีโอคลาสสิค คือ มักเป็นภาพที่มีระยะใกล้ กลาง ไกล หรือที่เรียกว่า Perspective ฉากหลังรูปวาดส่วนใหญ่มักมีอาคาร หรือ เสา ของกรีกหรือ โรมัน มัก ใช้สีมืดๆเป็นระยะ เน้นหนักไปทางสีน้ำตาล ดำ เขียวและขาว ศิลปะแบบนีโอ คลาสสิครุ่งเรืองอยู่ได้เพราะได้รับการส่งเสริมจากระบอบ ปฏิวัติของพระเจ้านโปเลียน พวกที่ปฏิวัติเองก็ชอบส่งเสริมให้มีการดำรงชีพที่เคร่งครัดแบบกรี กและโรมัน ศิลปินที่มีชื่อ เสียงคือ เดวิด(David)(ค.ศ. 1748 – 1825) เป็นศิลปินชาวฝรั่งเศส ผลงานของเขามักเป็นการ วาดภาพที่แสดงถึงความกล้าหาญของวีรบุรุษ เช่น LE SERMENT DES HORACES , LA MORTDE MARAT คนต่อมาคือ แองก์(Ingres) (ค.ศ.1780-1867) ผลงานของเขาเป็น แบบคลาสสิคเต็มที่ เขามักวาดภาพคนที่ร่ำรวย หน้าตาโหดเ***้ยมและพอใจในอำนาจเงิน และภาพวาดหญิงสาวเปลือยของเขานั้นสวยงามมาก และแองก์ยังได้วาดภาพเกี่ยวกับ เทพนิยายโบราณอีกด้วย |
![]() 2. ลัทธิโรแมนติค (Romantic)(เกิดเมื่อ ค.ศ.1820) ลัทธินี้ เกิดจากศิลปินมีความเบื่อหน่าย ความจริงแบบสมัยกรีก โรมัน หรือ ศิลปะแบบคลาสสิค ศิลปินในกลุ่มนี้จึงชอบสร้างผล งานที่ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติตามกันอยู่ ในคติที่ว่า ผลงานที่ดีจะต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้ คือ เลิกใช้ภาพแบบประวัติหรือเทพนิยายกรีกแบบโบราณ รูปที่วาดจะมีคุณค่าได้จะต้อง เหมือนเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หรือ เป็นเรื่องตื่นเต้น และรูปวาดนั้นจะต้องเป็นเรื่อง เหตุการณ์ในยุคกลาง ชอบ แสดงความรู้สึกรุนแรงยุ่งเหยิง ศิลปินที่มีชื่อเสียง เช่น เจริโคท์ (Gericault)(ค.ศ.1719 - 1824) เป็นศิลปินที่ชอบสร้างสรรค์ผลงานที่น่ากลัว และตื่นเต้น ผลงานที่มีชื่อเสียง เช่น แพเมดูซา ภาพ หญิงชายชาวอัสจิเรีย ภาพม้ากำลังเผ่นผงาด ศิลปิน คนต่อมา คือ เดราคัว(Deracroux) ผลงาน ที่มีชื่อเสียงของเขา เช่น ภาพโชแปง ซึ่งเป็นนักดนตรีชื่อดัง ภาพการประหารชีวิตที่แสดงถึงความเ***้ยมโหด ศิลปิน อีกคน คือ โกย่า(Goya) (ค.ศ. 1746 - 1828) เป็นศิลปินชาวสเปน ที่มีผลงานเป็นภาพวาดประเภทน่าเกลียด น่ากลัว แสดงถึงความทรมาน ผลงานที่มีชื่อเสียง เช่น ภาพการประหารกบฏสเปน โดยพวกฝรั่งเศส ภาพคนบ้า หญิงชราที่น่าเกลียดน่ากลัว ภาพการฆ่าฟันในสงคราม ภาพการแทงวัวกระทิง ภาพมายาแต่งกายและภาพมายาเปลือยกาย |
![]() 3. ลัทธิเรียลลิสม์ (Realism)(เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1850) ลัทธิ นี้ ศิลปินจะยึดในหลักความเป็น จริงหรือการแสดงความจริงซึ่ง ก้าวสู่ความก้าว หน้าของวิทยาศาสตร์ โดยศิลปินมักจะสร้างสรรค์ผลงานออกมาเป็น ลักษณะเดียว กันเช่น ชอบวาดภาพคคนจนๆ คนชั้นต่ำ มีการเยาะเย้ยหรือล้อสังคมของคน ชั้นกลางที่ร่ำ รวยและ ศิลปินเกือบทุกคนมีสัญชาติฝรั่งเศส ศิลปินที่มีชื่อเสียง เช่น โดเม(DAUMEI)(ค.ศ. 1808 - 1897) เป็น ศิลปินที่มีภาพวาดเป็นที่โดดเด่นและมี ประชาชนสนใจเป็นจำนวนมากทำ ให้ประชาชน มองเห็นอำนาจป่าเถื่อนกดขี่ของทหาร หรือตำรวจในเครื่องแบบ ชี้ ให้เห็นถึงความ ฟอนเฟะของสังคมหรือความสกปรกของ นักการเมือง โดเมได้วาดภาพการ์ตูนล้อเลียน การเมืองหนัก จนถึงขนาดเป็นภาพเสียดสีการ ทำงานของ รัฐบาล จนถูกรัฐบาลสั่งจำคุกหลายครั้ง ภาพที่มีชื่อเสียงเช่น ภาพถนนทรองซโน แนง (LA RUE TRANSNONAIN)ภาพ คนถูกยิงตายโดยทหาร ศิลปินอีกคนคือ คัว เบาท์ (Courbet) (ค.ศ.1819 - 1877)เขา เป็นหัวหน้ากลุ่มเรียลลิสม์ ได้เข้าร่วมกับพวกปฏิวัติ ฝรั่งเศสโดย ใช้การเขียนภาพเยาะเย้ยล้อเลียนคนชั้นสูงกับคนชั้นกลาง มี การวาดภาพล้อเลียนถากถางคนชั้นปกครองระดับผู้นำรัฐบาล เขา จึงถูกคุมขังและต่อมา จึงโดนเนรเทศออกจากฝรั่งเศส ผลงานที่มีชื่อเสียง เช่น ภาพทางเดินเล่นริมแม่น้ำเซนต์ (LA PROMENADE AU BORD DE LA SENE) ภาพภาพ การฝังศพที่ออนองส์ (I ENTER EMENT AORNANS) ศิลปินอีกคนคือ มาเนท์ (Manet) (ค.ศ.1822 - 1883) เขาชอบวาดภาพที่แสดงถึงชีวิตธรรมดาของชนทุกชั้นภาพ ที่เห็นมักเป็นภาพพวก ร้านกาแฟเล็กๆ การเต้นรำของสามัญชนทั่วไป ภาพนางระบำสเปน และภาพโอลิมเปีย(L’ OLYMPIA) หรือ หญิงเปลือยท่อนบน |
คำสั่ง โหวต


เป็นวันหยุดยาวที่มีความสุขที่สุด
![]() 4. ลัทธิไอเดียลลิสม์ (IDEALISM) (เกิด เมื่อ ค.ศ.1860) ศิลปินในลัทธิไอเดียลลิสม์ จะมีทัศนคติในการสร้างผลงานดังนี้ คือ แสดงให้เห็นแง่ดีของชีวิต แสดงความคิดนึกฝัน หรือความรู้สึก ลัทธินี้ประกอบ กันหลายชนชาติที่มีทัศนคติตรงกัน ศิลปินที่มีชื่อเสียงมา จากหลากหลาชาติ เช่น คอร์นีเลียส(Cornelius) ชาวเยอรมัน เขาชอบวาดภาพหญิง สาวโดยใช้เส้นที่ อ่อนหวานและใช้สีอ่อนๆ มิลเลซ์ (Millais) ชาวอังกฤษ เชาชอบวาดภาพโดยเก็บรายละเอียดเสียจนภาพนั้นคล้ายกับภาพถ่าย ภาพที่มีชื่อ เสียงคือ ดอกไม้ริมลำธาร กุสตาฟ มอโร(Gustave Moreay) ชาวฝรั่งเศส เขาชอบวาดภาพจากจินตนาการของเขา ภาพ ที่มีชื่อเสียงคือ ความฝันของซาโลเม (LA VISLON DESALOME) |
คำสั่ง โหวต


เป็นวันหยุดยาวที่มีความสุขที่สุด
![]() 5. ลัทธิอิมเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism) (เกิด เมื่อ ค.ศ.1875) ลัทธินี้ ถือเอาความงามที่ประทับใจเป็นคุณค่า ศิลปินตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานเพียงเพื่อแสดง ความรู้สึกทางประสาทที่ ได้รับจากสิ่งต่างๆ มองใกล้อาจไม่สวยงาม แต่ ถ้ามองไกลก็จะ เห็นเป็นรูปร่างสวยงาม มีการลงสีโดยไม่ต้องอาศัยการร่างก่อนคำนึงถึงเฉพาะเรื่องของ แสงสี ต้องอาศัยแสงและเวลา เช่น เช้า กลางวัน เย็น ศิลปินที่มีชื่อเสียง เช่น โมเนท์ (Monot) (ค.ศ.1840 - 1926) เขาชอบวาดภาพสิ่งๆหนึ่งซ้ำหลายๆหน บรรยากาศและเวลาแตกต่างกัน เช่น ภาพวัดคาเทคราลรูอังที่มีเวลาต่างกัน เช้า กลางวัน เย็น ภาพสระน้ำที่เต็มไปด้วยดอกบัว(LOTUS NYMPHCAS) ศิลปินอีกคน คือ เซอร์ราท(Soret) (ค.ศ.1849 - 1891) เขามักวาดภาพโดยใช่พู่กันแต้ม สีน้ำมันลงไปเป็นจุดๆ เป็นระยะ เมื่อเวลาดูจะเห็นว่าสีสันต่างๆเกิดการผสมด้วยตาของ ตนเอง จน มีการเรียกว่า จุดมหัศจรรย์ของเซอร์ราท ภาพที่มีชื่อเสียง คือ สวนสาธรณะ |
![]() 6. ลัทธิโพสต์ อิมเพรสชั่นนิสต์(Post Impressionism) (เกิดราวตอนปลายศตวรรษที่ 19) เป็นลัทธิที่เป็นการนำ เสนอผลงานศิลปะแบบสมัย ใหม่ มีศิลปินที่สำคัญคือ โกแกง(Cauguin) แวนโก๊ะ หรือ ฟาน ก๊อก(Van Gogh) และ เซซาน (Cezannc) ในที่ นี้ขอกล่าวถึงแวนโก๊ะเพียงคนเดียว เพราะเขาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ผลงานของเขาได้รับการยกย่องว่า งดงามที่สุดจนไม่มีจิตรกรท่านใดเทียบเคียงได้ แวนโก๊ะเกิดในฮอลันดา เขาเป็นคนชอบวาดภาพ ภายหลังย้ายมาอยู่ที่ฝรั่งเศส เขาเอาแต่เขียนภาพ ไม่สนใจตัวเองหรือสิ่งใดเลย แม้กระทั่งสุขภาพของตนเอง เขา จึงมีสติวิปลาสถึงขนาดเคยตัดหูตนเอง เคยเอาเลือดของคนเองมาวาดรูป ในปี 1890 เขามีสติฟั่นเฟือนมากขึ้น จึงฆ่าตัวตาย รูปแบบการสร้างสรรค์ผลงานของเขา มีการลงสีเป็นลายหนาๆ สี สดฉูดฉาด ภาพพื้นหลังมีลายหมุนเวียน และมีการแต้มจุด ผลงานที่มีชื่อเสียงของเขามีมากมาย เช่น ภาพชาวบ้านฮอลันดา ภาพตัวเขาเอง ภาพท้องฟ้ากลางคืนที่มีดาวระยิบระยับ |
![]() 7. ลัทธิคิวบิสม์ (Cubism) ลัทธิ นี้ ศิลปินต้องการแสดงถึงความยุ่งเหยิง ภาพส่วนใหญ่มีรูปทรงเรขาคณิต และ มักเป็นทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ศิลปินที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ ปิกาสโซ (Picasso) เขาเกิดที่สเปน แต่ย้ายมาอยู่ฝรั่งเศส ในภายหลัง เขาชอบวาดภาพแบบเซซานและโล เทรค นิยมใช้สีชมพูและสีฟ้าเป็นหลัก ต่อมาเขาเริ่มมีผลงานที่เป็นแนวคิว บิสม์เด่นชัดมากขึ้น เริ่มวาดภาพคน ชายหรือหญิงที่ตัวใหญ่ๆ มีเรือนร่างผิดปกติ มีรูปทรงแบบเรขาคณิต มีตา จมูก ปาก สลับที่กัน ปิกาสโซได้รับการยกย่องว่าเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ และเป็นผู้ บุกเบิกแนวศิลปะ สมัยใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม |
![]() 8. ลัทธิแอ สแตรค (Astract) มา จาก แอบสแตรค ที่หมายถึง นามธรรม ศิลปินมีการสร้างสรรค์ผลงานโฑดยการคำนึงถึงเส้นและสีเท่านั้น มีลวดลายค้ายลายผ้า ลายพรม หรือ ลายกระเบื้องปูพื้น ศิลปินที่มีชื่อเสียง เช่น คองดินสกี(Kandinsky) มองดีออง (Mondrian) และ วิลอง (Villon) |
![]() 9. ลัทธิเอ๊กซ์เพรสชั่นนิสม์ (Expressionism) (เกิด ราว ค.ศ. 1920) ศิลปินมีการสร้างสรรค์ผลงานที่แสดงความรู้สึกต่างๆและความประทับใจในธรรมชาติ ลงฉับพลัน ทั้งความรู้สึกรุนแรง บ้าระห่ำ เกลียดชัง ทารุณ ความเจ็บปวด ทางร่างกาย ทรมาน น่าเกลียดน่ากลัว เป็นการมองโลกในแง่ร้าย มีความเชื่อมั่น แสงสี การรับรู้โลกภายนอก ตอบสนองด้วยความรู้สึกของตนเอง ศิลปินที่มีชื่อเสียง เช่น รูโอล (Rioalt) โดคอซกา (Kokoschka) เดียโก ริ เวรา (Diego Rivera)และ บลูม (Blume) |
![]() 10. ลัทธิ เซอร์เรียลลิสม์ (Surrealism) ลัทธินี้มีความเชื่อว่า ความจริงของมนุษย์ไมได้เกิดที่การรับรู้เพียง อย่างเดียว คุณค่าอยู่ที่ความหวัง ความฝัน ความต้องการที่ไม่สามารถมองเห็นได้เพราะถูกสังคมบังคับ มี ความรู้สึกเก็บกด ศิลปินจึงมักวาดภาพตามความฝัน จินตนาการของตน ศิลปินที่มีชื่อเสียง เช่น อังเดร เบรตอง(Andre Breton) |
![]() 12. ลัทธิโฟวิสต์ (Fourism) ลัทธินี้ ศิลปินมีการสร้างผลงานที่แสดงถึงความป่าเถื่อน ความรุนแรงของสังคมมนุษย์ คนอยู่ในสภาวะเก็บกด เลือกเอาสัตว์มาเป็นเรื่องราวในการเขียนรูป แสดงความรู้สึกของคนที่มีต่อสัตว์มีความเอ็นดู สงสารสัตว์ อ้างอิงจาก///http://atcloud.com/stories/80470 |