ความ(ไม่)สัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
Share Share
ภาพประกอบข่าวคมชัดลึก : การที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งกลับจากการเดินทางไปพบกับ สมเด็จฮุน เซน ที่พนมเปญเปิดประเด็นเรื่องที่ผู้นำกัมพูชาจะยินยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยซึ่งต้องคำพิพากษาของศาลในคดีทุจริตคอรัปชั่น พำนักอยู่ในประเทศกัมพูชาได้ ในฐานะเพื่อนเก่าและที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา
ฝรั่งจริงใจค้นหา
ผู้หญิงไทยที่ดี เพื่อเพื่อน เดทติ้ง และแต่งงาน
www.thaifrauen-pv.com
เป็นเสมือนหินก้อนแรกที่ ฮุน เซน ฝากมาโยนถามทางจากรัฐบาลไทยในช่วงการประชุมสุดยอดาเซียน ครั้งที่ 15 ที่หัวหิน และทันทีที่เดินทางมาถึงที่ประชุม ฮุนเซน ก็เอาหินก้อนใหญ่ทุ่มเท้าผู้นำไทย ด้วยการเปิดแถลงข่าวเป็นภาษาเขมรโดยไม่มีกำหนดการล่วงหน้า เป็นเวลานาน 20 นาที ซึ่งเนื้อความเป็นการยืนยันเรื่องที่จะให้ที่พักในกัมพูชาแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่ได้พูดกับ พล.อ.ชวลิต ไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ฮุน เซน ยังนำกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณไปเปรียบเทียบกับกรณีที่อาเซียนเรียกร้องความเป็นธรรมแก่ นางออง ซาน ซูจี จากรัฐบาลทหารพม่า รวมถึงการที่ทางการไทยก็เคยให้ที่พำนักแก่บุคคลที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลกัมพูชาด้วย
การกระทำของผู้นำกัมพูชาได้สร้างความขุ่นเคืองแก่ฝ่ายไทย จนมีการเรียงหน้าออกมาโจมตี ฮุน เซน ทั้งในเรื่องการผิดมารยาททางการทูตที่ใช้ประเทศไทยเป็นเวทีส่วนตัว การละเมิดความตกลงเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน การอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ดินแดนกัมพูชาเพื่อเป็นฐานปฏิบัติการในประเทศไทย การกระทำที่มีลักษณะที่ไม่เสริมสร้างมิตรภาพกับประเทศไทย การกล่าวหาว่าได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง จนถึงคำพูดเชิงเหน็บแนมด้วยการเปรียบเทียบนางออง ซาน ซูจี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเหมือนฟ้ากับเหว และกระทบกระเทียบนายฮุน เซน ต่าง ๆ นานา เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้ช่วยทำให้เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้น นอกจากความสะใจของผู้พูดเพียงฝ่ายเดียว
ปฏิกิริยาของ ฮุน เซน ในครั้งนี้มีที่มาจากความขัดแย้งซึ่งในเรื่องที่กัมพูชาเสนอให้คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาประกาศให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก แต่แม้ว่าตัวปราสาทจะได้รับการตัดสินจากศาลโลกให้เป็นของกัมพูชา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2505 โดยอาศัยหลักการจากสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ ค.ศ.1907 กับการนิ่งเฉยโดยไม่มีการท้วงติงของรัฐบาลสยามในขณะนั้น ซึ่งถือว่าฝ่ายไทยยอมรับโดยปริยาย แต่อย่างไรก็ตามทางขึ้นปราสาทก็ยังอยู่ในเขตไทย และมีพื้นที่ทับซ้อนอีก 4.6 ตร.กม. ซึ่งรัฐบาลไทยในสมัย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และ นายนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เคยร่วมสนับสนุนข้อเสนอดังกล่าวของกัมพูชา แต่ต่อมา ป.ป.ช.ได้มีมติว่าความตกลงของนายสมัครและนายนพดลขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เนื่องจากมิได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
ปัญหาเรื่องการเสนอให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกที่ยังคาราคาซังอยู่ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เกิดความมึนตึง จนถึงขนาดที่ผู้นำกัมพูชากล้าแสดงท่าทีที่ขัดแย้งกับรัฐบาลไทยอย่างเปิดเผย ในเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ผมไม่คิดว่าการกระทำของ ฮุน เซน ดังกล่าวจะเป็นการกระทำที่ขาดข้อมูลข่าวสารหรือทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่ดังที่ฝ่ายไทยกล่าวหา แต่เป็นกลเกมที่เลือกถูกจังหวะการเล่นไว้ล่วงหน้า ขณะที่นายกฯ อภิสิทธิ์ใช้เวลาแทบจะตลอดระยะที่เป็นรัฐบาลไปกับเรื่องการจัดการประชุมอาเซียน ทั้งที่พัทยา ภูเก็ต และ หัวหิน แต่ ฮุน เซน ใช้เวลาเพียง 20 นาที ขโมยซีนไปได้อย่างเต็มๆ และทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาไปในทันที
การแก้ปัญหาเรื่องความ (ไม่) สัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา คงไม่สามารถแก้ไขด้วยการใช้คำพูดถากถางผู้นำกัมพูชา หรือไล่คนไทยที่มีความคิดเห็นแตกต่างให้ไปอยู่กัมพูชา แต่ต้องหาทางพูดคุยปรับความเข้าใจให้ถูกต้องตรงกัน โดยเฉพาะในเรื่องที่กัมพูชาเสนอให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก
ถึงเรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจกับพี่น้องคนไทยบางกลุ่ม แต่ถ้าคุณอภิสิทธิ์สามารถทำได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาเดินเล่นอยู่แถวชายแดนไทย-กัมพูชา หรอกครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น